ปีใหม่นี้ "สายมู"ห้ามพลาด ที่ไหนเด็ด วัดไหนปัง เช็คพิกัดขอพร ปีมังกรทอง

        เรื่องของความเชื่อและความศรัทธาอยู่คู่กับคนไทยมายาวนาน  มีบทบาทในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่เกิด แก่ เจ็บ ตาย จนไม่เคยแยกออกจากกัน โดยเฉพาะการไหว้พระขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ การเข้าวัดทำบุญ ไสยศาสตร์ เครื่องรางของขลัง รวมไปถึงการดูดวงชะตา เพื่อคลายทุกข์ทางใจ จนกลายเป็นการพยายามเสาะแสวงหา กราบไหว้ขอพรบนบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อขอพรให้สมปรารถนา และเรียกตัวเองว่าเป็น “สายมูเตลู”

        และที่สมุทรสงคราม หรือแม่กลอง เป็นจังหวัดที่มีความโดดเด่นที่ไม่เหมือนใคร   และแม้จะเป็นจังหวัดเล็กที่สุดของประเทศไทย แต่ก็มีวัดต่างๆ ถึง 115 วัด และด้วยพลังศรัทธาของผู้คนที่พยายามตระเวนและเสาะแสวงหาเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ที่เชื่อกันว่า “ศักดิ์สิทธิ์” ทำให้หลายวัดในจังหวัดสมุทรสงคราม กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยว “สายมูเตลู” หลั่งไหลไปเยี่ยมชมกันอย่างคึกคัก ซึ่งวันนี้ทีมข่าวจะพาไปเยี่ยมชมวัดต่างๆในจังหวัดสมุทรสงคราม ที่มีนักท่องเที่ยว “สายมู” ที่มาจังหวัดสมุทรสงครามต้องห้ามพลาด เช่น

        1. วัดเพชรสมุทรวรวิหาร หรือวัดบ้านแหลม เป็นวัดหลวงชั้นตรี ตั้งอยู่ใจกลางตลาดแม่กลอง เขตเทศบาลเมืองสมุทรสงคราม ภายในอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อบ้านแหลม พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เคารพนับถือของชาวสมุทรสงครามและพุทธศาสนิกชนทั่วไป ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อบ้านแหลมนั้น มีเรื่องเล่าลือกันมากมาย

          2.วัดจุฬามณี ตั้งอยู่ ต.บางช้าง อ.อัมพวาวัดนี้โด่งดังมากสมัยพระครูโกวิทสมุทรคุณ หรือหลวงพ่อเนื่อง โกวิโท เป็นเจ้าอาวาส หลวงพ่อเนื่องได้ศึกษาวิชาอาคมจากหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม พระเกจิอาจารย์ชื่อดังของ จ.สมุทรสงคราม เจ้าของเหรียญ 1 ใน 5 ชุดเบญจภาคีเหรียญยอดนิยมของวงการพระเครื่องเมืองไทย ต่อจากนั้นพระครูโสภิตวิริยาภรณ์ (อิฏฐ์) ลูกศิษย์ของหลวงพ่อเนื่องเป็นเจ้าอาวาสวัดจุฬามณีจนปัจจุบันและได้มีการจัดสร้างท้าวเวสสุวรรณ ขึ้นมาหลายรุ่นทำให้วัดจุฬามณีมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศ

           3.วัดนางตะเคียน ตั้งอยู่ใน ต.คลองเขิน อ.เมืองสมุทรสงคราม วัดนี้ว่ากันว่าเป็นที่ประดิษฐานท้าวเวสสุวรรณ เป็นแห่งแรกของ จ.สมุทรสงคราม นอกจากนี้ตามตำนานเล่าขานกันว่า พระนางสุพรรณอัปสรจอมเทวี หรือยักษ์แม่ใหญ่ จมอยู่ใต้น้ำในคลองหน้าวัดเป็นเวลานับร้อยปี และเมื่อปี 2551 ยักษ์แม่ใหญ่ ได้เข้าฝันชาวบ้านว่า ขอให้นำขึ้นมาประดิษฐานอยู่ในวัดนางตะเคียน เดิมชื่อ “วัดเทพธาราม” มีอายุเกิน 400 ปีแล้ว หากผู้ใดขอพรไหว้บนบานก็มักจะสมหวัง จึงเป็นอีกวัดหนึ่งที่มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนกันไปสักการะกราบไหว้ขอพรทั้งท้าวเวสสุวรรณ และยักษ์แม่ใหญ่ แต่ละวันเป็นจำนวนมาก

           4.วัดบางกุ้ง หรือค่ายบางกุ้ง ตั้งอยู่ใน ต.บางกุ้ง อ.บางคนที  จุดเด่นของวัดบางกุ้ง ที่แตกต่างจากวัดอื่นก็คือโบสถ์ปรกโพธิ์ เป็นโบสถ์มหาอุด อายุกว่า 200 ปี มีต้นไม้ใหญ่ 4 ชนิดขึ้นปกคลุมได้แก่ต้นโพธิ์ ต้นไทร ต้นไกร และต้นกร่าง แผ่กิ่งก้านสาขายึดฝาผนังโบสถ์ไม่ให้ทรุดตัวและยังปกคลุมโบสถ์ทั้งหลังไว้อย่างมิดชิด ชาวบ้านเรียกสิ่งมหัศจรรย์นี้ว่า “โบสถ์ปรกโพธิ์” ด้านหลังเรียบ มีประตูเข้า-ออกด้านหน้า ส่วนด้านหลังที่เรียบนั้น หากจะเรียกอีกอย่างก็คือ “โบสถ์มหาอุด” สมัยก่อนวัดต่างๆ นิยมสร้างโบสถ์ลักษณะนี้ไว้ปลุกเสกเครื่องรางของขลังให้กับเหล่าทหารหาญและการใช้ต้นไม้ปิดบังไว้ เข้าใจว่าก็เพื่อซุกซ่อนสิ่งของมีค่าไว้ให้ปลอดภัยนั่นเอง

          และ 5.วัดอินทาราม ตั้งอยู่ท่ามกลางสวนส้มโอและสวนลิ้นจี่ ต.เหมืองใหม่ อ.อัมพวา วันนี้นอกจากมีท้าวเวสสุรรณแล้ว สิ่งที่อยู่คู่กับวัดก็คือหลวงพ่อโต ซำปอกง อายุ 300 ปี ที่เป็นพระประธานอยู่ในอุโบสถมหาอุตหลังเก่า ว่ากันว่าใครขออะไรก็มักจะประสบผลสำเร็จทั้งเรื่องโชคลาภ เรื่องโภคทรัพย์ หรือหน้าที่การงานเจริญก้าวหน้าก็ได้ดั่งใจนึก แต่ละวันจึงมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาสักการะกราบไหว้ขอพรอย่างต่อเนื่อง ยังมีอุโบสถหลังใหม่ที่สร้างด้วยหินอ่อนทั้งหลังและเปิดให้มีการเดินลอดใต้อุโบสถเพื่อความเป็นสิริมงคลด้วย ล่าสุดวัดนี้ยังติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าภายในวัดขึ้นเป็นแห่งแรกของ จ.สมุทรสงคราม ให้บริการ 24 ชั่วโมง ทำให้ผู้ที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้าคลายความกังวลเรื่องพลังงานไม่พอไปต่อนั้นหมดไป

          อย่างไรก็ตาม จ.สมุทรสงครามมีวัดถึง 115 วัด จึงยังมีวัดอีกจำนวนมากที่มีของดีและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่น่าจะไปสักการระบูชากราบไหว้ขอพร แต่ด้วยพื้นที่มีจำกัด วันนี้จึงนำเสนอได้เพียง 5 วัดก่อน ส่วนที่เหลือจะได้ทยอยนำมาบอกเล่าแก่นักท่องเที่ยวและผู้สนใจในโอกาสต่อไป