กองทัพไทย จัดกำลังสนับสนุนรัฐบาลและบูรณาการให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยพายุ "โนรู"

ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศฉบับที่ 5 "พายุ โนรู" ที่คาดว่าจะเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และตอนกลางของประเทศไทย ส่งผลทำให้ในช่วงวันที่ 28 กันยายน – 1 ตุลาคม 2565 ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนตกหนักหลายพื้นที่และมีฝนตกหนักมากบางแห่งกับมีลมแรง ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม นั้น

พลเอก ประยุทธ์  จันทร์โอชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการให้ทุกเหล่าทัพ เตรียมกำลังพล ยานพาหนะ และเครื่องมือช่าง ดำรงความพร้อมเพื่อหนุนเสริมให้การช่วยเหลือประชาชนทุกจังหวัด โดยให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งเตือนประชาชนด้วยความรวดเร็วทันเหตุการณ์ รวมทั้งให้การช่วยเหลืออย่างทั่วถึงจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ทั้งนี้ กองทัพไทย โดย กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ ได้จัดกำลังสนับสนุนรัฐบาล และบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ในการให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย และจังหวัดที่จะได้รับผลกระทบจากพายุ โดยมีการปฏิบัติ ดังนี้

กองบัญชาการกองทัพไทย โดย ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา จัดกำลังพลชุดบรรเทาสาธารณภัยเคลื่อนที่เร็ว พร้อมยุทโธปกรณ์ติดตามสถานการณ์และเฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่งพื้นที่ลุ่มต่ำ พร้อมทั้งเตรียมแผนช่วยเหลือประชาชนจากสถานการณ์พายุ "โนรู" ในพื้นที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะ จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีความเสี่ยงสูงในขณะนี้ ซึ่งกองบัญชาการกองทัพไทย ได้จัดชุดบรรเทาสาธารณภัยส่วนหน้า จัดกำลังพล รถยนต์บรรทุกขนาดกลางและขนาดใหญ่ เพื่อให้การสนับสนุนการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ร่วมกับส่วนราชการต่าง ๆ ในพื้นที่ พร้อมทั้งยังคงดำรงการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากอิทธิพลของร่องมรสุมในห้วงที่ผ่านมา ที่ทำให้เกิดฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน นอกจากนี้ ได้ดำเนินการขุดลอกและกำจัดเศษไม้ที่ไหลมากีดขวางทางไหลของน้ำ บริเวณฝายน้ำล้น เพื่อให้การระบายน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพไม่เอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน สร้างแนวผ้ายางทับด้วยกระสอบทราย เพื่อป้องกันน้ำกัดเซาะ และเสริมผิวการจราจรลูกรัง ป้องกันไม่ให้น้ำล้นตลิ่งสร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนประชาชน และพื้นที่ทำการเกษตร ขนย้ายสิ่งของทรัพย์สินของประชาชนไปไว้ศูนย์พักพิงชั่วคราว ตลอดจนแจกจ่ายสิ่งของอุปโภคบริโภค และน้ำดื่มสะอาดให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ ชัยนาท อุทัยธานี มุกดาหาร และจังหวัดตาก

กองทัพบก โดย ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ จัดกำลังพลจิตอาสาร่วมกับส่วนราชการในพื้นที่ ผู้นำชุมชนและประชาชนจิตอาสา ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนในการขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง และขนย้ายไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวและที่ปลอดภัย ดำเนินการกรอกกระสอบทรายพร้อมวางแนวกระสอบทรายเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในชุมชน เก็บขยะ และกำจัดวัชพืชทางน้ำที่ลอยมาติดอยู่ในบริเวณลำคลอง เพื่อให้เกิดความสะอาดภายในลำคลอง และป้องกันปัญหาน้ำท่วมจากขยะอุดตันประตูระบายน้ำ พร้อมทั้งแจกจ่ายอาหารและน้ำดื่มเพื่อใช้สำหรับอุปโภคบริโภคภายในครัวเรือน รวมถึงการตรวจสุขภาพเบื้องต้นให้กับพี่น้องประชาชนที่ได้ผลกระทบ ในพื้นที่จังหวัดระยอง ปราจีนบุรี อุบลราชธานี เพชรบูรณ์ และอ่างทอง 

กองทัพเรือ โดย ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย ทัพเรือภาคที่ 1 จัดกำลังพลพร้อมยุทโธปกรณ์ช่วยขนย้าย แจกจ่ายถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัย วางแนวกระสอบทราย สำรวจและตรวจสอบพื้นที่เสี่ยงการเกิดอุทกภัย 

เพื่อเตรียมความพร้อมให้การช่วยเหลือประชาชนเมื่อเกิดเหตุในเขตพื้นที่รับผิดชอบ จัดทำฝายชะลอน้ำชั่วคราวแบบคอกไม้ชนิดกระสอบทรายผสมปูนซีเมนต์ ในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับศาสตร์พระราชาในการสร้างฝายชะลอน้ำชั่วคราว บรรจุกระสอบทรายและวางแนวกระสอบทรายป้องกันน้ำ ในพื้นที่จังหวัดระยอง จันทบุรี และตราด

กองทัพอากาศ โดย ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองบิน 21 กองบิน 41 และกองบิน 46 จัดกำลังพลพร้อมยุทโธปกรณ์ในการขนย้ายสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย บรรจุถุงทรายเพื่อทำแนวกันดินสไลด์ป้องกันน้ำหลากเข้าบ้านเรือน และอุดรอยรั่วบริเวณคันปูนแม่น้ำที่กำลังเอ่อล้นตลิ่ง ป้องกันไม่ให้ไหลเข้าท่วมพื้นที่บ้านเรือนของพี่น้องประชาชน และช่วยเหลือราษฎรขนย้ายทรัพย์สิน ยกขึ้นที่สูง เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายจากอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี  เชียงใหม่ และพิษณุโลก

ทั้งนี้ กองทัพไทย ตระหนักถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่ต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติโดยเฉพาะพายุ "โนรู" ที่อาจมีความรุนแรงและสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง โดยพร้อมทุ่มเทและระดม ทุกสรรพกำลังที่มีอย่างเต็มขีดความสามารถ ในการให้ความช่วยเหลือประชาชนในทุกพื้นที่ด้วยความรวดเร็ว เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีความปลอดภัย ลดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สิน และจะยังคงเคียงข้าง ดูแล ให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย