“ไร่เพชรตะวัน” ระบุ ไม่ได้หลอกกลุ่มเกษตรกรปลูกกระท่อม

“ไร่เพชรตะวัน” ระบุ ไม่ได้หลอกกลุ่มเกษตรกรปลูกกระท่อม ชี้ยังไม่ถึงกำหนดรับซื้อ อีกทั้งความเสียหายที่แจ้งความเกินความเป็นจริงเพราะที่สระบุรีมีกระท่องไม่ถึงหมื่นต้น เชื่อกุศโลบายพ่อค้าคนกลางต้องการซื้อใบกระท่อมราคาถูก

หลังจากที่ นางมนัสนันท์ จอมคง หรือ เจ๊เรณู อายุ 50 ปี เจ้าของโรงอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์  บริษัทอัมฤทธิ์เรณูพารวย จำกัด พร้อมพร้อมกลุ่มเกษตรกร กว่า 80 ราย นำหลักฐานการทำสัญญาซื้อขายใบกระท่อม กับบริษัท ไร่เพชรตะวัน จำกัด ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 38 ม.5 ต.ทุ่งหว้า อ.ทุ่งหว้า จ.สตูล เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.ภูสิทธิ์ ชาญศรี สว.(สอบสวน) สภ.หนองแค จ.สระบุรี 

โดยกลุ่มเกษตรกรระบุว่า บริษัท ไร่เพชรตะวัน จำกัด ได้มาชักชวนให้ลงทุนปลูกต้นกระท่อมส่งขายให้กับบริษัทดัฯ โดยจะรับซื้อใบกระท่อมไม่อั้น ซึ่งมีข้อตกลงกันว่า บริษัท จัดส่งต้นกล้ามาให้ในราคาต้นละ 100 บาท หรือหากใครที่ปลูกต้นกระท่อมไว้ก่อนแล้วประสงค์จะขายใบกระท่อมให้กับบริษัท ไร่เพชรตะวัน ก็ต้องเสียค่าลงทะเบียนให้กับบริษัท ต้นละ 100 บาท เกษตรกรในพื้นที่ อ.หนองแค และ อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี จึงสนใจเข้าร่วมเครือข่ายเพื่อส่งขายใบกระท่อมให้กับ บริษัทไร่เพชรตะวัน แต่พอถึงกำหนดรับซื้อทางบริษัทไร่เพชรตะวันกับไม่ทำตามสัญญา และได้สร้างความเสียหายต่อกลุ่มเกษตรกรกว่า 20 ล้านบาท 

ล่าสุด นางสาววิยะดา พลประสิทธิ์ ประธานกรรมการบริษัท ไร่เพชรตะวัน จำกัด ได้ชี้แจงผ่านคลิปวิดีโอว่า กรณีที่ผู้ร้องเรียนอ้างว่ามีความเสียในการลงทุนปลูกต้นกระท่อมกว่า 20 ล้านบาท ไม่เป็นความจริง เพราะถ้ามีควาเสียหายมากถึง 20 ล้านบาทในพื้นที่จะต้องมีกระท่อมถึง 2 แสนต้น แต่ความเป็นจริงที่สระบุรีมีไม่ถึง 10,000 ต้น 

ส่วนโรงเรือนที่เจ๊เรณู สร้างขึ้นมานั้น เพื่อต้องการเป็นผู้รับตากใบกระท่อมในพื้นที่ โดยขอมายังบริษัทฯ ทั้งนี้เพื่อได้เงินส่วนต่างกิโลละ 20 บาท จากทางบริษัทฯ ซึ่งที่ผ่านมายืนยันว่าไม่เคยขายฝันหรือไปขอให้ใครมาทำโรงอบโรงตาก เพราะปัจจุบันทางบริษัทก็มีโรงอบอยู่แล้ว 

อย่างไรก็ดีขณะนี้ยังไม่ถึงระยะสัญญาที่รับซื้อใบกระท่อมของจังหวัดสระบุรี เนื่องจากเกษตรกรของจังหวัดสระบุรีปลูกหลังจังหวัดอื่นๆ จึงเป็นไปไม่ได้ที่บริษัทฯจะผิดสัญญา

นางสาววิยะดา บอกด้วยว่าข่าวที่ออกมานั้น ยอมรับว่าว่าสร้างความเสื่อมเสียให้กับบริษัทฯ แต่ก้ไม่ได้มากมายอะไร แถมเป็นเรื่องดีกับบริษัทที่จะได้คัดคนที่จะไปต่อหรือไม่ไปต่อกับบริษัทฯหลังจากนี้ด้วย แต่ทั้งนี้ยังชื่อว่าการที่มีกลุ่มคนออกมาร้องเรียนบริษัทฯในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเป็นกลยุทธ์ของพ่อค้าคนกลางที่ต้องการซื้อใบกระท่องราคาถูก จึงออกมาสร้างกระแสข่าวดังกล่าว 

ทั้งนี้ยืนยันว่าทุกวันนี้ 12 โรงงานของบริษัท ไร่เพชรตะวัน จำกัด ยังดำเนินการเหมือนเดิมตามเป้าหมายที่วางไว้ และเดือนมีนาคม 2566 นี้ ผลิตภัณฑ์ ที่ผลิตจากพืชใบกระท่อมจะออกสู่ท้องตลาดแน่นอน การส่งออกก็ยังคงเหมือนเดิม 

ทั้งนี้บริษัท ไร่เพชรตะวัน จำกัด ยังได้ออกจดหมายชี้แจงออกมาด้วย สรุปได้ 4 ประเด็นดังนี้ 

1.นางมนัสนันท์ จอมคง หรือ เจ๊เรณู เป็นผู้ทำสัญญาโดยตรงกับบริษัทไร่เพชรตะวัน จำกัด เพื่อเป็นผู้ส่งเสริมในการหาสมาชิกมาปลูกต้นกระท่อม โดยมีรายได้จาการส่งเสริมเป็นค่าตอบแทน

2.จำนวนสมาชิกที่ปลูกกระท่อมและเงินที่กล่าวอ้างว่าเสียหายนั้นเกินความเป็นจริง ทั้งนี้มีหลักฐานจากการลงทะเบียนและขายต้นกล้าในส่วนของนางมนัสนันท์ ที่โอนเงินและแนบหลักฐานส่งมาให้บริษัทฯ

3.บริษัท ไร่เพชรตะวัน จำกัด ส่งเสริมให้ปลุกต้นกระท่อมและรับซื้อใบคืนจากเกษตรกรผู้ปลูกในกิโลกรัมละ 200 บาท ตามพันธสัญญาเกษตร ระยะเวลารับซื้อคืนเป็นเวลา 10 ปี ทั้งนี้มีศูนย์ ไร่เพชรตะวันประจำจังหวัดคอยดูแลและให้คำแนะนำเกษตรกร

4.บริษัท ไร่เพชรตะวัน จำกัด มีเจตนาที่จะเพิ่มมูลค่าให้กับใบกระท่อม จึงมีแนวคิดและเตรียมโรงงานแปรรูปและพร้อมดำเนินการทันทีเมื่อ อย.ประกาศให้แปรรูปกระท่อมได้

ในจดหมายชี้แจงดังกล่าว ได้ระบุด้วยว่าจากข่าวที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงกับบริษัทฯ จึงจำเป็นต้องดำเนินคดีทางด้านกฎหมายอย่างถึงที่สุด กับบุคคลสร้างความเสียหายให้บริษัทฯ